ภาษาซี (C) เป็นภาษาโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์ที่มีวัตถุประสงค์ทั่วไป พัฒนาขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2515 (ค.ศ. 1972) โดย เดนนิส ริตชี ที่เบลล์เทเลโฟนแลบอลาทอรีส์ (Bell Telephone Laboratories) เกิดขึ้นเพื่อสร้างระบบปฏิบัติการยูนิกซ์ในขณะนั้น
นอกจากภาษาซีออกแบบขึ้นมาเพื่อสร้างซอฟต์แวร์ระบบแล้ว ภาษาซียังสามารถใช้อย่างแพร่หลายเพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์ประยุกต์ที่เคลื่อนย้าย (portable) ไปบนระบบอื่นได้อีกด้วย
ภาษาซีเป็นภาษาโปรแกรมหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดตลอดกาล มีสถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์เพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ไม่มีตัวแปลโปรแกรมของภาษาซี ภาษาซีมีอิทธิพลอย่างมากต่อภาษาโปรแกรมที่นิยมอื่น ๆ ที่เด่นชัดที่สุดก็คือภาษาซีพลัสพลัส ซึ่งเดิมเป็นส่วนขยายของภาษาซี
ภาษาซีเกิดขึ้นในปี ค.ศ.1972 โดย Dennis Ritchie แห่ง Bell Labs โดยภาษาซีนั้นพัฒนามาจาก ภาษา B และจากภาษา BCPL
ซึ่งในช่วงแรกนั้นภาษาซีถูกออกแบบให้ใช้เป็นภาษาการเขียนโปรแกรมในระบบ UNIX และเริ่มมีคนสนใจมากขึ้นในปี ค.ศ.1978 เมื่อ Brain Kernighan ร่วมกับ Dennis Ritchie พัฒนามาตรฐานของภาษาซีขึ้นมา คือ K&R (Kernighan & Ritchie) และทั้งสองยังได้แต่งหนังสือชื่อว่า “The C Programming Language” โดยภาษาซีนั้นสามารถจะปรับใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์รูปแบบต่างๆได้
ซึ่งในช่วงแรกนั้นภาษาซีถูกออกแบบให้ใช้เป็นภาษาการเขียนโปรแกรมในระบบ UNIX และเริ่มมีคนสนใจมากขึ้นในปี ค.ศ.1978 เมื่อ Brain Kernighan ร่วมกับ Dennis Ritchie พัฒนามาตรฐานของภาษาซีขึ้นมา คือ K&R (Kernighan & Ritchie) และทั้งสองยังได้แต่งหนังสือชื่อว่า “The C Programming Language” โดยภาษาซีนั้นสามารถจะปรับใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์รูปแบบต่างๆได้
ต่อ มาในช่วง ปี ค.ศ.1988 Ritchie และ Kernighan ได้ร่วมกับ ANSI (American National Standards Institute) สร้างเป็นมาตรฐานของภาษาซีขึ้นมาใหม่มีชื่อว่า “ANSI C”
Dennis Ritchie
ภาษาซีนั้นจัดเป็นภาษาที่ใช้ในการเขียน โปรแกรมที่นิยมใช้งาน ซึ่งภาษาซีจัดเป็นภาษาระดับกลาง (Middle-Level Language) เหมาะกับการเขียนโปรแกรมแบบโครงสร้าง (Structured Programming) โดยมีคุณสมบัติโดดเด่นอย่างหนึ่งคือ มีความยืดหยุ่นมาก กล่าวคือ สามารถทำงาน กับเครื่องมือต่างๆ สามารถปรับเปลี่ยนการเขียนโปรแกรมในรูปแบบต่างๆได้ เช่น สามารถเขียนโปรแกรมที่มีความยาวหลายบรรทัดให้เหลือความยาว 2-3 บรรทัดได้ โดยมีการผลการทำงานที่เหมือนเดิมครับ
ภาษาซี (C programming language)
เป็นภาษาโปรแกรมเชิงโครงสร้างระดับสูงที่ได้รับการพัฒนาขึ้นในช่วงทศวรรษ 1970 โดย เคน ธอมป์สัน (Ken Thompson) และ เดนนิส ริทชี่ (Dennis Ritchie) ขณะทำงานอยู่ที่ เบลล์เทเลโฟน เลบอราทอรี่ สำหรับใช้ในระบบปฏิบัติการยูนิกซ์ ต่อมาภายหลังได้ถูกนำไปใช้กับระบบปฏิบัติการอื่น ๆ และกลายเป็นภาษาโปรแกรมหนึ่งที่ใช้กันแพร่หลายมากที่สุด ภาษาซีมีจุดเด่นที่ประสิทธิภาพในการทำงาน เนื่องจากมีความสามารถใกล้เคียงกับภาษาระดับต่ำ แต่เขียนแบบภาษาระดับสูง โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เขียนด้วยภาษาซีจึงทำงานได้รวดเร็ว ภาษาซีเป็นภาษาโปรแกรมที่นิยมใช้กันมากสำหรับพัฒนาระบบปฏิบัติการ,ซอฟต์แวร์ระบบ,ควบคุมไมโครคอนโทรลเลอร์ และเป็นภาษาที่ใช้กันทั่วไปในหลักสูตรวิทยาการคอมพิวเตอร์
เป็นภาษาโปรแกรมเชิงโครงสร้างระดับสูงที่ได้รับการพัฒนาขึ้นในช่วงทศวรรษ 1970 โดย เคน ธอมป์สัน (Ken Thompson) และ เดนนิส ริทชี่ (Dennis Ritchie) ขณะทำงานอยู่ที่ เบลล์เทเลโฟน เลบอราทอรี่ สำหรับใช้ในระบบปฏิบัติการยูนิกซ์ ต่อมาภายหลังได้ถูกนำไปใช้กับระบบปฏิบัติการอื่น ๆ และกลายเป็นภาษาโปรแกรมหนึ่งที่ใช้กันแพร่หลายมากที่สุด ภาษาซีมีจุดเด่นที่ประสิทธิภาพในการทำงาน เนื่องจากมีความสามารถใกล้เคียงกับภาษาระดับต่ำ แต่เขียนแบบภาษาระดับสูง โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เขียนด้วยภาษาซีจึงทำงานได้รวดเร็ว ภาษาซีเป็นภาษาโปรแกรมที่นิยมใช้กันมากสำหรับพัฒนาระบบปฏิบัติการ,ซอฟต์แวร์ระบบ,ควบคุมไมโครคอนโทรลเลอร์ และเป็นภาษาที่ใช้กันทั่วไปในหลักสูตรวิทยาการคอมพิวเตอร์
Ken Thompson
ชนิดข้อมูลพื้นฐานของภาษาซี
ในการเขียนโปรแกรมภาษาซีนั้น เราจำเป็นต้องมีการกำหนดชนิดข้อมูล ก่อนการประกาศตัวแปรเสมอ การกำหนดชนิดข้อมูลแต่ละอันก็ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ว่าเราจะใช้ตัวแปรนั้นเก็บค่าอะไร แบบไหน เช่น เก็บเป็นเลขจำนวนเต็ม เก็บเป็นเลขจำนวนจริง หรือเก็บเป็นตัวอักษร
char มีขนาด 1 byte ค่าที่เก็บคือ ตัวอักษร ASCII 1 ตัว ตั้งแต่ 0 ถึง 255
int มีขนาด 2 byte ค่าที่เก็บคือ ค่าจำนวนเต็มตั้งแต่ 32767 ถึง –32768
short มีขนาด 2 byte ค่าที่เก็บคือ ค่าจำนวนเต็มตั้งแต่ 32767 ถึง –32768
long มีขนาด 4 byte ค่าที่เก็บคือ ค่าจำนวนเต็มตั้งแต่ 2147483647 ถึง –2147483648
unsigned
unsigned int มีขนาด 2 byte ค่าที่เก็บคือ ค่าจำนวนเต็มตั้งแต่ 0 ถึง 65535
unsigned short มีขนาด 2 byte ค่าที่เก็บคือ ค่าจำนวนเต็มตั้งแต่ 0 ถึง 65535
unsigned long มีขนาด 4 byte ค่าที่เก็บคือ ค่าจำนวนเต็มตั้งแต่ 0 ถึง 4294967295
float มีขนาด 4 byte ค่าที่เก็บคือ ค่าจำนวนจริง ตั้งแต่ 3.4×10^-38 ถึง 3.4×10^38
double มีขนาด 8 byte ค่าที่เก็บคือ ค่าจำนวนจริง ตั้งแต่ 1.7×10^-308 ถึง 1.7×10^308
จากข้อมูลดังกล่าวเมื่อนำมาจัดเป็นกลุ่มจะได้ดังนี้
1. จำนวนเต็ม ได้แก่ข้อมูลชนิด int, short, long, unsigned int, unsigned short และ unsigned long
2. จำนวนจริง คือข้อมูลที่เป็นเลขจำนวนจริง ที่มีทศนิยม หรืออยู่ในรูปของนิพจน์วิทยาศาสตร์ ได้ แก่ข้อมูลชนิด float และ double
3. ตัวอักขระและสตริง (String) ได้แก่ข้อมูลชนิด char ซึ่งเก็บข้อมูลได้ 1 อักขระ และข้อมูลที่เป็นชุดของข้อมูล char (Array of char) ที่ใช้เก็บค่าสตริง
ดาวน์โหลดข้อมูลภาษาซี download
-http://www.mediafire.com/view/?7ge1cyol77485bp
ดาวน์โหลดโปรแกรมภาษาซี download
-http://www.mediafire.com/?ak7g9bt3epg9dtv
ที่มา
ขออนุญาตฝากลิงค์ นะคะ
ตอบลบเกมส์คาสิโนถ่ายทอดสด สมาชิกทุกท่านสามารถแจ้งถอนเงินได้ทุกวัน ทุกเวลา ตลอด 24 ชั่วโมง เปิดให้บริการเล่นพนันออนไลน์ผ่านเว็บไซต์โดยตรงได้แล้ววันนี้ ที่นี่เลยค่ะ
https://www.111player.com